วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

*** อาหารที่ไม่ควรรับประทานขณะท้องว่าง ***

ก่อนที่จะรับประทาน ควรเลือกชนิดของอาหารเสียก่อนนะคะ เพราะบางทีอาหารที่เราทานลงไปทั้งๆ ที่มีประโยชน์แต่ไม่ถูกเวลา ก็อาจส่งผลเสียบางอย่างที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ค่ะ ไปดูกันว่าอาหารที่ไม่ควรรับประทานขณะท้องว่างมีชนิดใดบ้าง

นมและนมถั่วเหลือง
แม้ว่านมถั่วเหลืองจะอุดมไปด้วยโปรตีน แต่จะเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เมื่อกระเพาะอาหารมีสารประเภทแป้งอยู่

เหล้า
หากดื่มเหล้าในขณะท้องว่าง จะไปกระตุ้นเยื่อบุกระเพาะอาหาร ทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบและเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้

น้ำตาลหรืออาหารหวาน
ไม่ควรรับประทานอาหารหวานหรือน้ำตาล เช่น น้ำอัดลม ลูกอม ช็อกโกแลต เพราะหากรับประทานขณะท้องว่างจะทำให้โปรตีนรวมตัวกับน้ำตาลส่งผลต่อการดูดซึมโปรตีนทุกชนิดและลดสมรรถภาพการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดและไต

ชาที่แก่เกินไป
ชาทำให้กรดเกลือในน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจาง ส่งผลให้การทำงานของระบบย่อยอาหารลดลงและเกิดอาการใจสั่น เวียนศีรษะมือเท้าไม่มีแรง จิตใจไม่สงบ

ลูกพลับ
ไม่ควรรับประทานลูกพลับในขณะที่ท้องว่าง เพราะกระเพาะอาหารจะหลั่งกรดเกลือออกมามาก หากไปรวมตัวกับยาง และสารแขวนลอยในลูกพลับแล้วจะทำให้เจ็บหน้าอก คลื่นไส้และเป็นแผลในกระเพาะอาหาร

กล้วย
เพราะกล้วยอุดมไปด้วยธาตุแมกนีเซียม การรับประทานกล้วยขณะท้องว่าง จะทำให้ปริมาณธาตุแมกนีเซียมในเลือดสูงขึ้น ทำให้สูญเสียสัดส่วนของแคลเซียมและแมกนีเซียมไปเป็นการยับยั้งการทำงานของหลอดเลือดหัวใจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่ง

กระเทียม
เพราะจะทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารได้รับการกระตุ้น เกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบอย่างรุนแรง

ผัก
การรับประทานผักอย่างเดียวขณะท้องว่าง จะทำให้กระเพาะอาหารเกิดอาการผิดปกติ

นอกจากนั้นยังไม่ควรอาบน้ำและออกกำลังกายด้วยเช่นกัน เพราะการอาบน้ำและการออกกำลังกายในขณะที่ท้องว่าง จะทำให้เกิดอาการช็อกเนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำได้ง่าย อย่าลืมสิ่งใดที่มีคุณอนันต์ก็อาจมีโทษมหันต์เช่นกัน ถ้าคุณปฏิบัติอย่างผิดวิธี
แครอทเป็นผักหัว มีฤทธิ์เย็น อุดมไปด้วยวิตามินเอ และเกลือแร่ วิตามินเอเอาไว้ใช้ ช่วยบำรุงสายตา บำรุงผิวและ เนื้อเยื่อ ช่วยยับยั้งความเสื่อมของ อวัยวะสำคัญของร่างกาย มีความเชื่อว่า แครอทช่วยรักษา โรคมะเร็ง ช่วยลดความเสี่ยงจากโรค เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง อัมพฤษ์ อัมพาต ความดันโลหิตสูง ต้อกระจก และยังช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน เร่งการสร้างเซลล์ในแผลผ่าติด

นอกจากนี้ ยังอุดมด้วยวิตามินบี วิตามินซี และแคลเซียมที่ดูดซึมง่ายมีแพคตินซึ่งเป็นไฟล์เบอร์ ชนิดที่ละลายน้ำได้ ช่วยลดโคเลสเตอรอล วิตามินและเกลือแร่ที่มีอยู่ มีบทบาท สำคัญ ในการสร้างภูมิคุ้มกันโรค

หัวแครอท จะเป็นสีส้มเพราะมีสาร carotene มีเป็นจำนวนมาก เมื่อเรากินสาร carotene นี้เข้าไปในร่างกายสารชนิดนี้จะเปลี่ยนเป็นไวตามินเอซึ่งมีประโยชน์ต่อสายตาสำหรับผู้ที่เป็นโรคตาฟาง น้ำที่คั้นจากหัวแครอทใช้ผสมกับน้ำมะนาวให้ใช้ทาตามบริเวณผิวหน้าเป็นยาบำรุงผิวลบรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า นอกจากนี้แล้วหัวแครอทยังให้ปริมาณของเกลือโปแตสเซี่ยมสูงซึ่งทำให้มีฤทธิ์ในทางขับปัสสาวะส่วนน้ำมันหอมระเหยทีมีอยู่ในหัวแครอทจะมีฤทธิ์ในทางขับพยาธิไส้เดือนได้

** น้ำแครอทปั่น **
ส่วนผสม
-แครอทหั่นเล็ก ๆ 3 ช้อนโต๊ะ
-น้ำเชื่อมเข้มข้น 8 ช้อนโต๊ะ(ตามชอบ)
-น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ หรือ น้ำส้มคั้น 1 ถ้วย
-เกลือ 1 ช้อนชา
-น้ำต้มสุก 1 แก้ว
-น้ำแข็ง 2 ถ้วย

วิธีทำ
1. ล้างแครอทให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เติมน้ำ ปั่นให้ละเอียด
2. ผสมน้ำเชื่อม น้ำ มะนาว/น้ำส้ม เกลือ เติมน้ำตามส่วน ผสมให้ เข้ากัน ใส่น้ำแข็งปั่นก่อนเสิร์ฟ

ที่มา : healthdeena.blogspot.com