วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

***คึ่นช่าย***

1. ลดปริมาณการสร้างอสุจิ และลดอัตราการตั้งท้อง จาก การวิจัยพบว่า ต้นคึ่นช่ายและเมล็ดคึ่นช่าย มีฤทธิ์ลดปริมาณเชื้ออสุจิในสัตว์ทดลองตัวผู้ และลดอัตราการตั้งท้องของสัตว์ตัวเมีย ได้มีการทดลองในคนโดยให้ชายไทย 7คน รับประทานคึ่นช่ายในรูปอาหาร คนละ 85กรัม/วัน พบว่าจำนวนอสุจิลดลงอย่างรวดเร็วภายใน 1-2สัปดาห์ ในเวลาต่อๆ มาจำนวนอสุจิจะลดลงอีกเล็กน้อย และจะคงที่ในระดับหนึ่ง หลังจากหยุดรับประทาน 5-8สัปดาห์ พบว่ามี 4คนกลับคืนสู่สภาพปกติ อีก 3คน ยังคงมีจำนวนอสุจิต่ำกว่าเมื่อก่อนรับประทานคึ่นช่าย ฤทธิ์ในการคุมกำเนิดน่าจะเป็นฤทธิ์ในการลดอัตราการตั้งท้องในสั ตว์ตัวเมีย สำหรับฤทธิ์การลดจำนวนอสุจินั้น อาจจะไม่พอเพียงที่จะคุมกำเนิดได้

2. ลดความดันโลหิต การวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่า น้ำต้มคึ่นช่าย สามารถลดความดันโลหิตได้ภายใน 1ชั่วโมง และฤทธิ์อยู่ได้นานกว่า 5ชั่วโมง

3. ช่วยขับลม ขับปัสสาวะ น้ำมันหอมระเหยในลำต้นและใบ มีฤทธิ์ช่วยขับลมในกระเพาะและลำไส้ ทำให้หายจุกเสียด

ที่มา : หนังสือสมุนไพรน่ารู้ โดย รศ.ดร.วันดี กฤษณพันธ์
***เซเลอรี่ (คึ่นฉ่ายฝรั่ง)***

เซเลอรี่....(Celery) คือขึ้นฉ่ายชนิดหนึ่งเหมือนกับบ้านเรา จะแตกต่างก็แค่เป็นพืชผักจากเมืองหนาวหรือเรียกง่ายๆ ว่า เป็นผักสัญชาติฝรั่งนั่นเอง

เซอเลอรี่ เป็นผักที่น่าสนใจของผักเมืองหนาวอีกชนิดหนึ่ง เพราะเป็นพืชที่ปลูกง่าย โตเร็ว และให้ผลตอบแทนสูงเมื่อเทียบกับผักชนิดอื่น แต่ข้อจำกัดของเซเลอรี่ก็มีเช่นกัน เพราะเป็นผักที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่อย่างประณีต พิถีพิถันจึงจะได้ผลผลิตสูง อีกทั้งต้องอาศัยดินที่มีความอุดมสมบูรณ์เพราะพื้นฐานของเซเลอรี่ต้องการความชุ่มชื่นอย่างสม่ำเสมออยู่แล้ว ซึ่งนอกจากจะอาศัยดินและการดูแลที่ดีแล้ว พื้นที่ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน

โดยทั่วไปเซเลอรี่จะมีลักษณะคล้ายกับต้นขึ้นฉ่ายของจีน จะแตกต่างก็ตรงที่เซเลอรี่ จะมีลำต้นใหญ่กว่าและมีกลิ่นหอมประหลาด ซึ่งกลิ่นหอมจนฉุนแบบนี้ทำให้เด็กหรือผู้ใหญ่บางคนไม่ค่อยโปรดปรานนัก แต่สำหรับใครที่ชอบรับประทานเซเลอรี่อยู่แล้วก็ต้องขอแสดงความยินดีด้วย เพราะคุณได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์จากเซเลอรี่ไปมากมายเลยทีเดียว แต่กระนั้นหลายคนก็ยังเข้าใจผิดคิดว่าเซเลอรี่เป็นผักที่ไม่สามารถนำมาผัดหรือประกอบอาหารอื่นๆ ได้อีก นอกจากรับประทานสดหรือทานเป็นผักสลัดเสียมากกว่า ซึ่งแท้จริงแล้วเซเลอรี่สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายเมนูเฉกเช่นเดียวกับผักชนิดอื่น อาทิ ทำซุปผัก ตุ๋นรวมกับผักหลายชนิดแบบจีน ผัดน้ำมันหอย แกงจืด หรือแม้แต่ต้มดื่มเป็นชาและคั้นน้ำดื่มสดๆ ผสมกับน้ำผักชนิดอื่นก็จะได้รับประโยชน์มากขึ้นเป็นเท่าตัว

แต่วันนี้เซเลอรี่ได้กลายเป็นขวัญใจของผู้ที่รักและใส่ใจสุขภาพไปโดยปริยาย เนื่องจากมีสรรพคุณหลายหลายที่สามารถช่วยบำบัดและบรรเทาอาการของโรคต่างๆ ได้ดีโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ โดยมีสรรคุณทางยาคือช่วยลดความดันโลหิตและช่วยให้เจริญอาหาร รวมทั้งมีปริมาณโซเดียมต่ำ ดังนั้นคนที่เป็นโรคไตจึงสามารถรับประทานได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดผลข้างเคียงใดๆ นอกจากนี้ยังอุดมด้วยสารอาหารสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายที่มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่ Phytonutrient และ Aplin ซึ่งสารทั้ง 2 ชนิดนี้ นักวิจัยค้นพบในผักเซเลอรี่ซึ่งมีปริมาณที่สูงมาก และส่งผลให้ร่างกายได้รับประโยชน์โดยตรงคือ ช่วยในการล้างพิษ ซ่อมแซมระบบการย่อยอาหารให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถป้องกันการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ รวมถึงลำไส้ใหญ่ที่มักเกิดในเพศหญิงได้อีกด้วย

ได้ดูประโยชน์ของขึ้นฉ่ายสัญชาติฝรั่งกันแล้ว วันนี้เราลองมาทำความรู้จักเพิ่มเติมกับเซเลอรี่ในเมนูแสนง่าย มากคุณค่า ราคาประหยัด กับเมนูเก๋ๆ ที่ชื่อว่า "Cerely Mix & Match" หรือน้ำผักผลไม้เปี่ยมประโยชน์ที่เหมาะกับคุณๆ

"Cerely Mix & Match"

***หัวไชเท้า(หัวผักกาด)***

ไชเท้า มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Raphanus sativus Linn. อยู่ในวงศ์ Crutiferae หัวไชเท้าหรือผักกาดหัว มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน และได้แพร่หลายไปทั่วตามการอพยพย้ายถิ่นของคนจีน นิยมรับประทานเป็นอาหาร ใช้ทำเป็นแกงจืด แกงส้ม ต้มจับฉ่าย หรือเอามาดองเค็ม ตากแห้ง ทำเป็นหัวไชโป๊ แล้วนำมาปรุงเป็นอาหารทานกับข้าวต้มกุ๊ย

หัวไชเท้าเป็นอาหารที่ดีมาก ตำราจีนกล่าวว่าไชเท้ามีสรรพคุณในการกระจายสิ่งหมักหมมในร่างกาย ละลายเสมหะ แก้พิษ ลดความดัน ขยายหลอดลมและหลอดเลือด จึงควรเป็นอาหารที่อยู่ในเมนูของคนที่ป่วยเป็นโรคหวัด ไอเสียงแหบแห้ง ท้องขึ้นเนื่องจากอาหารไม่ย่อย คออักเสบเรื้อรัง เป็นสมุนไพรที่มีอยู่ในตำรายาจีน

โดยแนะนำให้คนวัยทองนำหัวไชเท้าดิบมาหั่นซอยเป็นเส้นฝอยทานวันละ 2 ช้อนโต๊ะ หรือมื้อละ 1 ช้อนโต๊ะ วันละ 2 ครั้ง ทั้งนี้ มีความเชื่อว่าจะทำให้ผิวพรรณ ดูเปล่งปลั่งสดใสมีน้ำมีนวล หัวไชเท้ายังช่วยกำจัดพิษ สามารถช่วยให้ปัสสาวะใส ไม่ขุ่น ช่วยชำระล้างผนังกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยย่อย และช่วยทำให้หายใจโล่งขึ้น ที่สำคัญคือเจ้าหัวไชเท้านี่มีสารโปรวิตามินเอ ที่จะเปลี่ยนเป็นวิตามินเออยู่สูงมาก หัวไชเท้าจึงเป็นแหล่งวิตามินเอที่หาง่ายและราคาถูก ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่ากลิ่นของหัวไชเท้า สามารถช่วยกระตุ้นน้ำย่อยได้ ดังนั้นในอาหารญี่ปุ่นหลายชนิด จึงใส่หัวไชเท้าขูดฝอยลงในน้ำจิ้มซีอิ้ว หรือหั่นฝอยกินคู่กับปลาดิบเป็นผักเครื่องเคียง

หัวไช้เท้า สามารถนำมาใช้ในการลดรอยฝ้าและกระให้จางลง แบบง่ายๆ โดยเราจะใช้หัวไชเท้า 1 หัว (ขนาดเล็ก) น้ำมะนาวสด 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ นำหัวไชเท้าล้างน้ำให้สะอาด แล้วปอกเปลือก หั่นบางๆ นำไปปั่นให้พอละเอียด ใส่น้ำมะนาวประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วจึงปั่นรวมกันอีกครั้ง วิธีใช้ นำส่วนผสมที่ได้มาทาทั่วผิวหน้า (ยกเว้นรอบดวงตาและปาก) ทิ้งไว้ประมาณ 10 - 15 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดทำเป็นประจำจะช่วยลดฝ้า และกระให้สีจางลงได้

*หัวไชเท้าดองสามรส*
ส่วนผสม
หัวไชเท้า 500 กรัม
เกลือป่น 1/2 ถ้วย
น้ำดอง
เกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มสายชู 1 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1 ถ้วย

วิธีทำ
1. ปอกเปลือกหัวไชเท้า หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาด2 ซม. เคล้าเกลือหมักไว้ 1 คืน
2. ล้างหัวไชเท้าด้วยน้ำ 2 - 3 ครั้งแล้วจึงผึ่งแดดให้พอแห้ง 1 วัน อัดลงในขวดปากกว้าง กดให้แน่น
3. ผสมเกลือ น้ำส้มสายชู น้ำตาล ตั้งไฟพอละลาย กรองด้วยผ้าขาวบาง ปล่อยให้เย็น เทลงในขวดหัวไชเท้าให้น้ำท่วม ปิดด้วยใบตอง ปิดฝาประมาณ 1 สัปดาห์จึงรับประทานได้
4. ใช้รับประทานกับข้าวต้ม แนมแกงหรือปรุงรสแบบยำ

การทำอาหารรับประทานเองอาจดูยุ่งยาก แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถซื้อได้คือความภูมิใจในความสามารถของเราเอง รสชาติจะอร่อยหรือไม่ก็อยู่ที่การฝึกปรือฝีมืออยู่เสมอ ถ้าตั้งใจบวกกับความใส่ใจรับรองอาหารออกมาอร่อยทุกราย

ที่มา : healthcornerguide.blogspot.com