วันพุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555

***วิธีล้างผักแบบต่าง ๆ***

1) โซดาทำขนมปัง
ใช้โซดาทำขนมปัง(โซเดียมไบคาร์บอเนต) 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำอุ่น 20 ลิตร(1 กาละมัง)แช่ผักทิ้งไว้ 15 นาที ลดสารพิษได้ 90-95 %

2)น้ำส้มสายชู
เตรียมน้ำส้มสายชู 0.5 % โดยใช้น้ำส้มสายชู อสร. 1 ขวดผสมน้ำ 4 ลิตร แช่ผักทิ้งไว้ 15 นาที ลดสารพิษฆ่าแมลงได้ 60-84 %

3)น้ำไหล
เด็ดผักเป็นใบๆ ใส่ตะกร้าโปร่ง เปิดน้ำไหลแรงพอประมาณ ใช้มือช่วยคลี่ใบผัก ล้างนาน 2 นาที ลดสารพิษฆ่าแมลงได้ 54-63 %


4)แช่น้ำ
ล้างผักรอบแรกให้สะอาด เด็ดผักออกเป็นใบๆ แช่ในอ่างน้ำนาน 15 นาที ลดสารพิษฆ่าแมลงได้ 7-33 %

5)ลวกผัก
ลวกผักด้วยน้ำร้อนลดสารพิษได้ 50 % ส่วนการต้มนั้นลดสารพิษได้ 50 % เช่นเดียวกัน แต่จะมีสารพิษตกค้างในน้ำแกง จึงควรล้างผักลดสารพิษก่อนทำแกง

6)ปอกเปลือก
การปอกเปลือก หรือลอกใบชั้นนอกออก เช่น กะหล่ำปลี ฯลฯ ช่วยลดสารพิษลงได้

7)คลอรีน
ผสมผงปูนคลอรีน ½ ช้อนชากับน้ำ 20 ลิตร แช่ผักทิ้งไว้ 15-30 นาทีจะฆ่าเชื้อโรคได้ดีมาก

8)ด่างทับทิม
ผสมด่างทับทิม 5 เกล็ดต่อน้ำ 4 ลิตร แช่ผักทิ้งไว้

9)น้ำปูนใส
เตรียมน้ำปูนใสอิ่มตัวผสมน้ำเท่าตัว แช่ผักทิ้งไว้

10)น้ำเกลือ
ใช้เกลือ 2 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ 4 ลิตร แช่ผักทิ้งไว้

11) น้ำซาวข้าว
ใช้น้ำซาวข้าวล้างผัก

คำแนะนำ:

* น้ำไหล
วิธีใช้น้ำไหลล้างผักค่อนข้างเปลืองน้ำ ถ้าเป็นไปได้, ควรเก็บน้ำล้างผักไว้รดต้นไม้ หรือใช้ทำประโยชน์อย่างอื่น

* การล้างผลไม้
การล้างผลไม้โดยใช้น้ำยาล้างจานกับฟองน้ำ(หรือสก๊อตไบรต์)เบาๆ ช่วยลดโอกาสติดเชื้อโรคที่อยู่บริเวณผิวของผลไม้ได้ การล้างเปลือกไข่ก่อนทำอาหารก็ใช้วิธีนี้ได้

* น้ำล้างจาน
น้ำยาล้างจานมีสารคล้ายสบู่ เป็นสารประกอบกำมะถัน ซึ่งพืชผักใช้เป็นปุ๋ยได้ดีมาก สารคล้ายสบู่มีฤทธิ์ทำให้ดินร่วน ไม่จับตัวกันแน่น รากของพืชผักจะชอนไชไปหาอาหารได้ดีขึ้น

* น้ำซักผ้า
ผงซักฟอกมีสารคล้ายสบู่ เป็นสารประกอบฟอสฟอรัส(P) ใช้เป็นปุ๋ยรดพืชผักได้ เวลาใช้ควรใช้แต่น้อย หรือทำให้เจือจางก่อนรด ปุ๋ยจากน้ำซักผ้ามีฤทธิ์เร่งดอกไม้ได้คล้ายกับปุ๋ยที่มีฟอสฟอรัสสูง น้ำยาซักผ้าหลายชนิดไม่ได้ใช้เกลือฟอสฟอรัส หันไปใช้เกลือกำมะถันแทน ใช้เป็นปุ๋ยบำรุงพืชผักได้ แต่จะไม่มีคุณสมบัติเร่งดอกได้เท่าปุ๋ยจากผงซักฟอก

ที่สำคัญที่สุดการล้างผักต้องล้างให้สะอาดจริง ๆ ทั้งด้านหน้าใบและหลังใบ รวมถึงในซอกหลืบของก้านเพราะไม่เพียงแต่สารเคมีเท่านั้นที่เป็นโทษกับเรา ทั้งนี้รวมถึงไข่พยาธิที่ตาเราไม่สามารถมองเห็นได้อีก และการปรุงสุกก็เป็นการฆ่าเชื้อที่ดีอีกอย่างหนึ่ง

ที่มา : วารสารหมอชาวบ้าน
***ผักหวานป่า***

ผักหวานป่าจัดเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านแหล่งโปรตีน วิตามินซี และพลังงาน นอกจากนี้ยังมีปริมาณเยื่อใยพอสมควร ช่วยในการขับถ่ายให้ดีขึ้น ในยอดและใบสดที่รับประทานได้ 100 กรัม ประกอบด้วยน้ำ 76.6 กรัม โปรตีน 8.2 กรัม คาร์โบไฮเดท 10 กรัม เยื่อใย 3.4 กรัม เถ้า 1.8 กรัม แคโรทีน 1.6 มก. วิตามินซี 115 มก. และค่าพลังงาน 300 กิโลจูล (KJ) อย่างไรก็ตามการบร
ิโภคผักหวานป่าควรปรุงให้สุกเสียก่อน เนื่องจากการบริโภคสด ๆ ในปริมาณมากอาจทำให้เกิดการเบื่อเมา เป็นไข้ และอาเจียนได้ การนำผักหวานป่ามาปรุงอาหารนั้น ใช้ได้ทั้งส่วนที่เป็นยอดและใบอ่อน นำช่อผลอ่อน ๆ สำหรับผลแก่อาจลอกเนื้อทิ้งนำเมล็ดไปต้มรับประทานได้เช่นเดียวกับเมล็ดขนุน มีรสหวานมัน การปรุงอาหารจากผักหวานป่า นอกจากต้ม ลวก เป็นผักจิ้มน้ำพริกแล้ว อาจนำไปทำแกง แกงเลียง หรือต้มจืดได้เช่นกัน

ผักหวานป่าเป็นเครื่องยาไทยจำพวกผัก จะใช้ส่วนรากมาทำยา รากมีรสเย็น สรรพคุณ แก้ไข้ แก้ดีพิการ แก้เชื่อมมัว แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้กระสับกระส่าย พบว่าผักหวานป่าจัดเป็นทั้งอาหารและยาประจำฤดูร้อน แก้อาการของธาตุไฟได้ตามแพทย์แผนไทย ส่วนยอดก็นิยมนำมาปรุงอาหาร มีรสหวานกรอบ ช่วยแก้ร้อนในกระหายน้ำ และระบายความร้อนหรือใช้ปรุงเป็นยาเขียวเพื่อลดไข้ ลดความร้อน ปัจจุบันพบว่ามีการนำมาพัฒนาเป็นชาผักหวานป่า ทำเป็นเครื่องดื่มต้านอนุมูลอิสระ

***เคล็ดวิชาจากแม่สอนไว้ว่า...วิธีทดสอบผักหวานว่าเป็นพิษหรือไม่โดยการใส่เมล็ดข้าวสารประมาณหยิบมือลงไปปรุงอาหารด้วย ถ้าเมล็ดข้าวสารไม่สุกพองหรือบานเมล็ดออกและ/หรือเมล็ดข้าวสารที่สุกนั้นเปลี่ยนสีจากสีขาวเป็นสีออกดำ/เทาแล้วแสดงว่าผักหวานป่านั้นเป็นพิษ ห้ามรับประทาน*** 
***อาหารทานแล้วไม่แก่***

1. หยุดผมร่วง ด้วยการรับประทานกล้วย ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินบี สามารถช่วยป้องกันผมร่วงได้ดี หากรับประทานกล้วยในปริมาณที่พอดี จะช่วยรักษาเส้นผมให้อยู่คู่หนังศีรษะได้อย่างยาวนาน

2. ลดผิวมัน ธัญญาหารล้วนอุดมไปด้วยวิตามินบี 2 ซึ่งช่วยหยุดยั้งการผลิตน้ำมันส่วนเกินของผลิตภายในร่างกาย ฉะนั้น การรับประทานธัญญาหารทุกเช้าจะช่วยลดปัญหาผิวมัน และเส้นผมมันบางได้ดี

3.หยุดการลอกของผิวหนัง หากรับประทานปลาแซลมอนในเกลือรมควัน อาหารทะเล หรือสลัดผักเป็นประจำ จะช่วยทำให้หยุดปัญหาการหลุดลอกของผิวหนังได้

4.ผิวเนียนใสเหมือนเด็ก ใครอยากมีผิวที่เนียนใสเหมือนเด็กทารก ให้กินมะม่วงเป็นประจำ เนื่องจากมะม่วงมีเบต้าแคโรทีนที่ช่วยทำให้ผิวมีสุขภาพดี ช่วยกระตุ้นการสร้างผิวหนัง รวมทั้งหนังศีรษะ เพื่อทดแทนของเดิมที่หยาบแห้งและขรุขระให้กลับมีความชุ่มชื่น และนุ่มเนียนอีกครั้ง

5. ชะลอผมหงอก ถั่วลิสงอบเนยรวมกับเกล็ดขนมปังที่อบมาร้อน ๆ ก่อนมื้ออาหาร สามารถช่วยชะลอผมหงอกได้ เพราะถั่วลิสงมีวิตามินบี ที่สามารถหยุดการเปลี่ยนสีผมให้เป็นสีดอกเลา แถมยังทำให้ผิวหนังดูดีขึ้นด้วย

6. ดูหนุ่มสาวขึ้นอีก 5 ปี ฝรั่งหรือน้ำฝรั่ง ซึ่งอุดมด้วยวิตามินซี จะช่วยเก็บรักษาคอลลาเจนที่เป็นบ่อเกิดแห่งโปรตีนภายใต้ผิวหนัง หรือรับประทานมะละกอ ส้ม ลูกเกดสีดำอบแห้ง ร่วมกับผลไม้อื่น ๆ เป็นประจำ ก็จะช่วยเพิ่มวิตามินซีได้ ทำให้คุณดูอ่อนกว่าวัยมากถึง 5 ปี

7. ปกป้องใบหน้าจากมลพิษ อะโวคาโด ซึ่งอุดมด้วยวิตามินบี จะช่วยทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย และร่างกายเกิดความต้านทานจากการทำลายในรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งการถูกทำลายจากบรรยากาศที่มลภาวะเป็นพิษด้วย
***อาหาร "แดช" ลดความดันโลหิตสูงได้***

ใครว่า การรักษาความดันโลหิตสูงต้องพึ่งพายาหมอเท่านั้น ยังมีเรื่องใกล้ ๆ ตัว อย่าง อาหาร ที่เลือกให้ดีก็ช่วยลดความดันได้

อาหารเหล่านั้น เรียกกันว่า แดช (DASH : Dietary Approach to Stop Hypertension) เป็นกลุ่มของอาหารที่มีเกลือโซเดียมต่ำ ให้สารอาหารที่สำคัญอย่าง โพแทสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียม ช่วยขยายหลอดเลือด ลดความดันโลหิต โดยผลการวิจัยในสหรัฐ พบว่า ผู้ท
ี่มีภาวะความดันโลหิตสูง แล้วรับประทานอาหารแดชต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ ความดันลดลงกว่าร้อยละ 70

การรับประทานอาหารที่ให้คุณค่าตรงตามคอนเซ็ปต์แดช เพียงแค่เปลี่ยนจากข้าวสวยขาว ๆ หันไปรับประทานข้าวไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง รวมถึงธัญพืชไม่ขัดสีหรือขัดสีน้อย ที่เรียกทับศัพก๋ ๆ ว่า โฮล เกรน หากไม่สามารถเลี่ยงข้าวสวย ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน ก็ให้ทานไม่เกิน 2 ทัพพีต่อมื้อ 3 มื้อต่อวัน

เน้นรับประทานผักใบเขียว ถั่วเปลือกแข็ง และผลไม้ขนาดกลางให้มาก ๆ ลดการบริโภคเนื้อสัตว์ อาหารไขมันสูง รสเค็ม อาทิ น้ำมันหมู น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม บ๊วย ไข่เค็ม ปูดอง ปลาร้า เนื้อเค็ม เนื้อสัตว์ติดมัน งดปรุงรสชาติอาหารด้วยผงชูรส สามารถเติมเกลือ น้ำปลา ซีอิ้ว หรือซอสปรุงรส แต่ต้องไม่มากเกิน 2/3 ช้อนชาต่อวัน

จำกัดปริมาณน้ำมันที่ใช้ทำอาหาร ควรใช้น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง ดื่มนมถั่วเหลือง นมไขมันต่ำ หรือนมเปรี้ยว กินปลาทะเล

ย้ำเตือนส่งท้ายใจความของอาหารแดช คือ ไม่กินของเค็ม อาหารไขมันสูง ทั้งต้องงดดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ด้วย เพื่อสุขภาพที่ดี โรคภัยไม่มี ชีวิตจะมีความสุข หรือ "คุณไม่รักตัวเอง"