วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2555



***ลิ้นสะอาด กลิ่นปากสดชื่น***

หากท่านต้องการให้ลมปากสะอาด ก็ไม่ควรมองข้ามถึงการทำความสะอาดลิ้น!!

เนื่องจากลิ้นของเรามีผิวที่ไม่เรียบ แต่ขรุขระถ้าเปรียบไปแล้วก็เหมือนกับพรมหนาๆ ที่ถักด้วยเส้นใยผ้า มีซอกเล็กซอกน้อยเต็มไปหมด ดังนั้นลิ้นจึงเป็นที่กักเศษอาหารอย่างดีที่สุด เหมาะที่สุดที่จะให้แบคทีเรียที่ไม่ต้องการออกซิเจนในการเจริญเติบโตอาศัยอยู่ แบคทีเรียเหล่านี้ปล่อยสารพิษที่ทำอันตรายต่อเหงือกและฟั
นแล้ว ยังก่อให้เกิดก๊าซซัลเฟอร์มีกลิ่นเหม็นเน่า

จากการวิจัยพบว่าแบคทีเรียที่มีผลต่อกลิ่นปากมากๆ มักจะอยู่ตามโคนลิ้นมากกว่าที่ฟันและเหงือก ก็เป็นคำตอบที่ดีสำหรับหลายท่านที่สงสัยว่า

-ฟันผุก็อุดแล้ว

-เหงือกก็ไม่อักเสบ ขูดหินปูนทุก 6 เดือนตามหมอนัด

-แปรงฟันหลังอาหารทุกวัน

-เสียเงินไปก็มากกับการใช้น้ำยาบ้วนปากหลากหลายชนิดแต่ก็ยังไม่วาย รู้สึกมีกลิ่นปาก ลมหายใจที่ไม่สะอาด....

-ลองมาสังเกตลิ้นของท่านดูว่ามีคราบอาหารจับหรือไม่ ?

-ท่านเคยทำความสะอาดลิ้นหรือเปล่า ?

การทำความสะอาดลิ้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการรักษาสุขภาพในช่องปาก นอกจากการแปรงฟัน และใช้ Dental Floss เพื่อทำความสะอาดซี่ฟัน

เราจะทำความสะอาดลิ้นอย่างไร ?

เดี๋ยวนี้มีอุปกรณ์ทำความสะอาดลิ้นทำจาก plastic เป็นรูปตัว U วิธีใช้ให้แลบลิ้นออกมาให้สุด ใช้ไม้ขูดลิ้น ขูดจากโคนลิ้นมาด้านหน้า ทำสัก 3-4 ครั้ง จะเห็นคราบอาหารติดออกมา เราจะทำวันละ 2 ครั้งต่อวัน ตอนเช้าตื่นนอน และหลังอาหารเย็นก่อนนอน

การทำความสะอาดลิ้นอย่างสม่ำเสมอ นอกจากจะช่วยลดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นแล้ว ยังมีผลทำให้ลิ้นสามารถรับรสได้ดีขึ้น (วารสารทันตแพทย์สมาคมสหรัฐอเมริกา ธันวาคม 1999) และก็มีข้อมูลที่น่าสนใจในวงการแพทย์ว่ามีความสัมพันธ์ที่มีนัยสำคัญว่า แบคทีเรียในช่องปากมีโอกาสทำให้ติดเชื้อและเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้ และจากวารสารของสมาคมทันตแพทย์สหรัฐอเมริกาเดือนมีนาคม 2001 ก็ยืนยันว่าก๊าซที่เกิดจากแบคทีเรียในช่องปากมีโอกาสเกิดอันตรายต่อเยื่อหุ้มปอดเช่นกัน

การขจัดแบคทีเรียในช่องปากนอกจากจะมีผลดีต่อสุขภาพในช่องปาก ทำให้ลดกลิ่นแล้ว ยังมีผลต่อสุขภาพร่างกายส่วนอื่นด้วย ไม่เป็นการเพียงพอแล้วสำหรับการแปรงฟัน ใช้ Dental Floss หรือน้ำยาบ้วนปาก

.... อย่าลืมทำความสะอาดลิ้นด้วยนะครับ...

ที่มา : HealthToday




***ผู้ป่วยเบาหวาน ควรตรวจอะไรเพิ่มเติม***

1. การตรวจฮีโมโกลบิน เอวันซี ( HbAlc) เป็นฮีโมโกลบินที่มีกลูโคสไปจับอยู่ ปกติจะมีค่าประมาณ 4.3-5.8 % ของฮีโมโกลบินทั้งหมด ค่าจะสูงขึ้นในผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่ได้รับการรักษาที่ดี เนื่องจากมีกลูโคสจำนวนมากได้จับกับฮีโมโกลบิน สามารถตรวจได้โดยไม่ต้องอดอาหาร ค่าที่ได้ขึ้นกับความสูงของกลูโคสในเลือดในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา

2. การตรวจ Micro Albumin ในปัสสาวะ คือ กา
รตรวจการทำงานของไต Micro Albumin เป็นโปรตีน ซึ่งในคนปกติจะทำหน้าที่กรองโปรตีนเก็บไว้ แต่ในผู้ป่วยเบาหวานที่เกิดอาการแทรกซ้อนที่ไตจะไม่สามารถกรองโปรตีนไว้ได้หมด หากพบโปรตีนในปัสสาวะจึงบอกถึงความผิดปกติเกี่ยวกับการทำงานของไต และถ้าได้รับการดูแลที่ไม่ดีพอก็จะทำให้เกิดภาวะไตวายเรื้อรังต่อไปได้ หากได้รับการดูแลที่ดีจากแพทย์ จะสามารถสกัดกั้นการเกิดไตวายเรื้อรังชนิดถาวรได้

3. ABI ย่อมาจาก Ankle Brachial Index คือการตรวจวัดความดันโลหิตเปรียบเทียบกันระหว่างแขน และข้อเท้า เพื่อตรวจดูภาวะโรคหลอดเลือดแดงตีบตัน ซึ่งเป็นอาการแทรกซ้อนอย่างหนึ่งของโรคเบาหวาน เกิดเนื่องจากการควบคุมระดับน้ำตาลไม่ดี ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน น้ำตาลจึงไปจับตัวกันทำให้ผนังหลอดเลือดผิดปกติไป รวมทั้งภาวะความดันโลหิตสูง และการสูบบุหรี่ อาการที่เป็นการเตือนว่าท่านอาจจะเป็นโรคหลอดเลือดแดงตีบตัน ได้แก่

-รู้สึกเย็น หรือมีอาการซีดผิดปกติที่ขาข้างใดข้างหนึ่ง
-มีอาการชาผิดปกติที่ขาข้างใดข้างหนึ่ง
-เมื่อเดินอย่างต่อเนื่องประมาณ 1-2 ป้ายรถเมล์ จะมีอาการปวดกล้ามเนื้อที่ขามากจนต้องหยุดพักสักระยะ จึงจะสามารถเดินต่อไปได้
-ปวดขาเวลาเดินเร็ว ๆ หรือเดินขึ้นทางลาดชัน หรือแม้แต่เดินทางราบ
-มีแผลเรื้อรังที่บริเวณเท้
-ผิวหนังที่บริเวณขาข้างใดข้างหนึ่งบางผิดปกติ และอาจมีขนร่วงด้วย
-ปวดปลายนิ้วเท้าในเวลากลางคืน บางครั้งปวดจนต้องตื่นนอน ค่าปกติต้องไม่ต่ำกว่า 0.9 ถ้าต่ำกว่า 0.9 แสดงว่ามีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดแดงตีบตันที่ปลายแขน ขาได้ รวมทั้งมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันเพิ่มขึ้นด้วย

ที่มา : bangkokhealth.com
 


***เปลือกส้ม เรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดา***

ส้ม .... ทุกคนอาจจะรู้จักผลไม้ชนิดนี้กันดีอยู่แล้ว เพราะ ส้มเป็นผลไม้ที่หาซื้อรับประทานได้ง่ายและมีให้รับประทานตลอดทั้งปี ปกติแล้วเรารับประทานแค่เพียงเนื้อส้มข้างในแล้วก็ทิ้งเปลือกส้ม แต่ ! หารู้ไม่ว่าเปลือกส้มที่เราทิ้งกันมีประโยชน์นานับประการ

ถ้าการทำงานในทุกๆ วันทำให้กำลังรู้สึกเครียดหรือเมื่อยล้าและอยากหาสิ่งที่ช่วยผ่อนคลาย เปลือกส้ม
ช่วยท่านได้..โดยการนำเปลือกส้มมาคั้นหรือบีบเอาน้ำมันหอมระเหยที่มีอยู่ในเปลือกส้ม นำมาดมกลิ่น หรือใช้นวดตามร่างกาย ซึ่งน้ำมันหอมระเหยจะช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนและช่วยกระตุ้นระบบประสาทได้

ประโยชน์ของเปลือกส้มยังไม่หมดเพียงเท่านี้!!! ...เพราะเปลือกส้มยังมีคุณสมบัติช่วยทำให้สิวที่รังควานใบหน้าของสาว ๆ ยุบสลายได้อย่างดีทีเดียวเพียงแค่นำเปลือกส้มที่ไม่ใช้ไปล้างน้ำสะอาด บดให้ละเอียดๆ แล้วผสมกับน้ำเพียงเล็กน้อยนำไปแต้มสิว ทิ้งไว้สัก 20 -30 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น เพียงเท่านี้สิวที่ผุดอยู่บนใบหน้าก็จะค่อย ๆ ยุบหายไป ใบหน้าของคุณก็จะกลับมาใสปิ๊งเหมือนเดิมค่ะ

หน้าหนาวนี้สำหรับสาวๆหรือชายหนุ่มที่มีลักษณะผิวดังต่อไปนี้ตั้งใจฟังให้ดีๆ เพราะจะมีเคล็ดที่ไม่ลับมากฝากกัน!! เริ่มต้นกันด้วยใครที่มีผิวที่แห้ง แตก หรือลอกเป็นขุย ไม่ต้องเสียเวลา เสียเงินไปซื้อครีมทาผิว แพงๆกันอันต่อไปแล้วค่ะ เพียงแค่นำเปลือกส้มมาบดให้ละเอียดจึงนำไปใช้แทนสบู่แล้วตามด้วยการอาบน้ำสะอาดเป็นเสร็จพิธี เพียงแค่นี้ก็สามารถดูแลผิวด้วยสูตรสำเร็จที่เราทำเองได้ที่บ้านโดยไม่ต้องเสียสตางค์แพงๆไปทำ สปาตามร้านให้ยุ่งยากอีกต่อไป

รู้ไว้ใช่ว่า!!! ส้มยังเป็นยาสมุนไพรบำรุงร่างกายได้ชั้นเยี่ยมโดยที่ไม่ต้องหาให้มันยุ่งยาก เพียงแค่เรามีผลส้มสด 100 กรัมก็ จะมีสารเบต้าแคโรทีน ถึง82 ไมโครกรัม และวิตามินซี 42 มิลลิกรัมที่เพียงพอต่อร่างกายคนเราต้องการต่อวัน และสารเหล่านี้ก็ช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันได้ด้วยคะ ส่วนของเปลือกผลแห้งจะมีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งประกอบด้วย ซิตรัล ( CITRAL ) เจอรานิออล ( GERANIOL ) และ ไลนาโลออล ( LINALOOL ) น้ำมันหอมระเหยเหล่านี้จะสามารถสกัดออกมาเพื่อใช้แต่งกลิ่นยาและมีฤทธิ์ขับลม ส่วนเปลือก ผลที่แห้งเมื่อนำมาจุดไฟจะมีกลิ่นหอมและสามารถไล่ยุงได้ดีอีกด้วย

นอกจากนี้การศึกษาทางการแพทย์ ของทีมวิจัยของเภสัชกรในอังกฤษ พบว่าสารในเปลือกส้มมีฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็งได้ โดยเฉพาะในเปลือกส้มเขียวหวานจะมีฤทธิ์ช่วยต้านทานมะเร็งบางอย่างได้ โดยสาร “ซาลเวสตรอล คิว 40” ใน เปลือกส้มเขียว-หวาน สามารถทำลายเซลล์มะเร็งที่มีส่วนประกอบของเอนไซม์ “พี 450 ซีวายพี 1 บี 1” ลงได้ ซึ่งการค้นพบ ในครั้งนี้อาจนำไปสู่แนวทางใหม่ในการบำบัดโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งทรวงอก ปอด ต่อมลูกหมาก และรังไข่ ได้ต่อไปในอนาคต

ดร.ฮูน แอล.ตัน ผู้เชี่ยวชาญเคมีด้านยาได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า สารซาลเวสตรอล อาจช่วยให้เกิดกลไกอย่างใหม่ในการใช้โภชนาบำบัดต้านมะเร็ง แต่อย่างไรก็ตาม อาหารสมัยใหม่นั้นได้ทำลายซาลเวสตรอลให้หมดลงไป เพราะว่าคนส่วนใหญ่ไม่กินเปลือกผลไม้กันอีกต่อไปแล้ว และนี่!!!จึงอาจจะเป็นปัจจัยสำคัญที่พบว่ามีมะเร็งบางอย่างเกิดขึ้นมากในคนเรา

ตามสภาพสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในปัจจุบันที่มี่ทั้งอากาศเป็นพิษและน้ำเน่าเสีย ทำให้เกิดมลพิษต่างๆอยู่รอบตัวเรามากขึ้นทุกวันและเป็นที่น่ายินดีอีกครั้งหนึ่งของทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยTlemcen ในอัลจีเรีย ได้พบว่าเปลือกส้มเป็นตัวช่วยทำให้สภาพน้ำดีขึ้น ในการศึกษาระดับห้องทดลอง ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าเปลือกส้มมีศักยภาพที่จะดึงสีออกจากของเหลวในความเข้มข้นที่หลากหลาย ซึ่งเปลือกส้มมีราคาถูกและมีอยู่มากมาย ซึ่งสามารถลดต้นทุนการบำบัดน้ำเสีย และยังสามารถดึงสารอะไรก็ตามที่เป็นอันตรายที่อยู่ในของเสียออกมาได้

การนำของที่ไม่ใช้แล้วมาปรับเปลี่ยนให้มีค่ามากขึ้น ทำให้สิ่งของเหล่านั้นมีค่าและประโยชน์ เช่นเดียวกับเปลือกส้มที่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์อีกหลายด้านและประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้โดยที่ไม่ต้องเสียเงินมากมายในการซื้อของมาบำรุงร่างกายหรือในการดำรงชีวิต เพียงแค่นี้เราก็สามารถประหยัดเงินในกระเป๋าได้

ที่มา : thaihealth.or.th