ผู้ป่วยโรคเอสแอลอี หรือโรคพุ่มพวง แต่ละคนจะมีลักษณะที่แตกต่า
บริเวณใบหน้า หรือมีผื่นคันบริเวณที่ถูกแ สงแดด ผมร่วงมากผิดปกติ มีอาการบวมตามขา หน้าหรือหนังตา และโดยเฉพาะผู้หญิงที่ประจำ เดือนขาด หรือไม่มา เหล่านี้อาจสงสัยได้ว่าจะป่ วยเป็นเอสแอลอี
ข้อสังเกตอาการของโรคที่สัม พันธ์กับอวัยวะ
อาการทางผิวหนัง
ผู้ป่วยมักมีผื่นแดงขึ้นที่ บริเวณใบหน้า บริเวณสันจมูก และโหนกแก้ม 2 ข้าง เป็นรูปคล้ายผีเสื้อ หรือมีผื่นแดงคันบริเวณนอกร ่มผ้าที่ถูกแสงแดด หรือมีผื่นขึ้นเป็นวง เป็นแผลเป็นตามใบหน้า หนังศีรษะ หรือบริเวณใบหู มีแผลในปาก โดยเฉพาะบริเวณเพดานปาก นอกจากนี้ยังมีผมร่วงมากขึ้ น
อาการทางข้อและกล้ามเนื้อ
ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการปว ดข้อ มักเป็นที่ข้อนิ้วมือ ข้อมือ ข้อไหล่ ข้อเข่า หรือข้อเท้า บางครั้งมีบวมแดงร้อนร่วมด้ วย
อาการทางไต
ผู้ป่วยมักมีอาการบวมบริเวณ เท้า 2 ข้าง ขา หน้า หนังตา เนื่องจากมีอาการอักเสบที่ไ ต รายที่มีอาการรุนแรงจะมีควา มดันเลือดสูงขึ้น ปัสสาวะออกน้อยลง ไปจนถึงขั้นไตวายได้ในระยะเ วลาอันสั้น
อาการทางระบบเลือด
ผู้ป่วยอาจมีเลือดจาง มีเม็ดเลือดขาวหรือเกล็ดเลื อดลดลง ทำให้มีอาการอ่อนเพลีย มีภาวะติดเชื้อง่าย หรือมีจุดเลือดออกตามตัวได้
อาการทางระบบประสาท
ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการชัก หรือมีอาการพูดเพ้อเจ้อไม่ร ู้เรื่อง หรือคล้ายคนโรคจิตจำญาติพี่ น้องไม่ได้ เนื่องจากมีการอักเสบของสมอ ง หรือหลอดเลือดในสมอง
ปกติแพทย์จะแบ่งความรุนแรงข องโรคเอสแอลอี ออกเป็นระดับความรุนแรงน้อย ระดับปานกลาง และมาก ตามระบบของอวัยวะที่เกิดมีอ าการ และตามชนิดของอาการที่เกิดข ึ้นกับอวัยวะนั้น ๆ เช่น อาการทางผิวหนังมีผื่น หรืออาการทางข้อ มีข้ออักเสบ จัดเป็นความรุนแรงน้อยถึงระ ดับปานกลาง ยกเว้นอาการบางชนิด เช่น เส้นเลือดอักเสบของผิวหนัง ส่วนอาการที่ระบบไต ระบบเลือดและสมอง จัดเป็นอาการขั้นรุนแรง
อาการ ของโรคเหล่านี้ มักจะแสดงความรุนแรงมาก หรือน้อยภายในระยะเวลา 1-2 ปีแรกจากที่เริ่มมีอาการ หลังจากนั้นมักจะเบาลงเรื่อ ย ๆ แต่อาจมีอาการกำเริบรุนแรงไ ด้เป็นครั้งคราว
วิธีการรักษาโรค
ผู้ป่วยโรคเอสแอลอีควรทำควา มเข้าใจเกี่ยวกับโรค และอยู่ในความดูแลของแพทย์อ ย่างใกล้ชิด ถ้าผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรง การใช้ยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล หรือแอสไพริน หรือยาลดการอักเสบก็ควบคุมอ าการได้ สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุน แรง อาจต้องใช้ยาประเภทสเตียรอย ด์ (ยาเพร็ดนิโซโลน) หรือยากดภูมิคุ้มกันในขนาดต ่าง ๆ ตามความเหมาะสม ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัย ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นกับความ รุนแรงและระบบอวัยวะที่มีกา รอักเสบ ยาเหล่านี้เป็นยาอันตราย อาจทำให้ผมร่วงหรือหัวล้านไ ด้ เมื่อหยุดยาผมจะงอกขึ้นมาให ม่
แต่การใช้ยาเป็นเพียงการระง ับอาการชั่วคราว ผู้ป่วยอาจต้องกินยาตลอดชีว ิต ผมเคยเจอคนไข้รายหนึ่งก่อนท ี่จะมารักษากับผม เขากินยาเป็นเวลานานถึง 28 ปี ส่วนอีกรายกินยามา 22 ปีแล้ว แต่พอมารักษาด้วยสมุนไพรก็ห ายในระยะเวลา 6 เดือน แพทย์บางท่านอาจใช้ยาคีโมใน การรักษาเอสแอลอี ซึ่งก็เป็นการรักษาแบบประคั บประคอง แต่อาจไม่หายขาด คนไข้ส่วนใหญ่แทบทุกรายที่ม าหาผม ล้วนผ่านการรักษาด้วยแพทย์แ ผนปัจจุบันมาก่อน และมีอาการที่เห็นเด่นชัด ตั้งแต่ผมร่วง ใบหน้ามีรอยช้ำ เป็นรอยเหมือนผีเสื้อ ประจำเดือนขาด มีรอยช้ำจ้ำ ๆ บริเวณแขนขา ซึ่งคนเป็นโรคเอสแอสอีจะเกิ ดรอยช้ำได้ง่ายที่สุด
รักษาเอสแอลอีแบบแพทย์ทางเล ือก
ผมอยากให้คนไข้หาข้อมูลเพิ่ มเติมด้วยว่า แพทย์แผนอื่นรักษาโรคเอสแอล อีได้หรือไม่ สำหรับคนไข้ที่มาหาผม แทบจะไม่ต้องซักประวัติเพิ่ มเติม บางคนขอรักษา 2 ทาง ผมก็จะแนะนำว่า ไปหาหมอแผนปัจจุบันได้ แต่ให้เก็บยาไว้ก่อน จากนั้น จึงกินยาสมุนไพรของผมซึ่งมี ตัวหลักคือ เห็ดหลินจือ กับยาปรับธาตุที่ปรับสภาพฮอ ร์โมนผู้หญิงให้ปกติ หรือ ถ้าเป็นผู้ชาย ก็จะเป็นยาบำรุงร่างกาย
3 ปัจจัยเสี่ยงพึงระวัง เพื่อเลี่ยงอาการกำเริบ
นอกจากนี้คนไข้ต้องระวังในก ารรับประทานอาหาร เช่น อาหารต้องห้ามประเภทข้าวเหน ียว ที่มีกลูเตน (โปรตีนที่สกัดจากแป้งสาลี ใช้ทำหมี่กึง ขนมปัง หรือส่วนผสมในพิซซ่า) ซึ่งจะไปเร่งให้อาการกำเริบ
และอีกประการที่คนไข้ต้องระ วัง คือ แสงแดด หรือ แม้จะเป็นแสงไฟก็ตาม เพราะจะทำให้เกิดอาการผื่นแ ดง คัน ตามบริเวณมือ และหน้า ได้ จึงควรใส่เสื้อแขนยาวที่ปกป ิดแขน ขา และลำตัวได้มิดชิด ใส่หมวกปีกกว้าง ทายาป้องกันแสงแดด และสวมเสื้อสีอ่อนที่ไม่ดูด ซับความร้อน
อีกประการที่อาจคิดไม่ถึง คือ ความร้อนจากการปรุงอาหารที่ มีรังสีอินฟาเรดถูกปล่อยออก มา ถ้าได้รับความร้อนมาก ๆ ก็เป็นการกระตุ้นให้โรคเอสแ อลอีกำเริบได้เช่นกัน
การปฏิบัติตัวของผู้ป่วยอย่ างถูกต้อง เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้การ รักษามีประสิทธิภาพ และต้องไม่ปฏิบัติตัวที่จะเ ป็นการกระตุ้นให้โรคกำเริบข ึ้นมาใหม่ เช่น การโดนแสงแดด ตรากตรำทำงานหนัก และอดนอน ถึงแม้ว่าโรคจะสงบลงแล้วเป็ นเวลาหลายปี ก็อาจยังมีโอกาสกำเริบใหม่อ ีกได้ ดัง นั้นจึงต้องเตรียมความพร้อม ของร่างกายและจิตใจอยู่เสมอ ด้วยการออกกำลังกายเป็นประจ ำ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ รักษาสุขอนามัยให้ดี ทำจิตใจให้สดชื่น ไม่เครียด พักผ่อนให้เพียงพอ ก็จะเป็นเกราะป้องกันโรคร้า ยสู่ตัวเรา
ที่มา : health.kapook.com
ข้อสังเกตอาการของโรคที่สัม
อาการทางผิวหนัง
ผู้ป่วยมักมีผื่นแดงขึ้นที่
อาการทางข้อและกล้ามเนื้อ
ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการปว
อาการทางไต
ผู้ป่วยมักมีอาการบวมบริเวณ
อาการทางระบบเลือด
ผู้ป่วยอาจมีเลือดจาง มีเม็ดเลือดขาวหรือเกล็ดเลื
อาการทางระบบประสาท
ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการชัก
ปกติแพทย์จะแบ่งความรุนแรงข
อาการ ของโรคเหล่านี้ มักจะแสดงความรุนแรงมาก หรือน้อยภายในระยะเวลา 1-2 ปีแรกจากที่เริ่มมีอาการ หลังจากนั้นมักจะเบาลงเรื่อ
วิธีการรักษาโรค
ผู้ป่วยโรคเอสแอลอีควรทำควา
แต่การใช้ยาเป็นเพียงการระง
รักษาเอสแอลอีแบบแพทย์ทางเล
ผมอยากให้คนไข้หาข้อมูลเพิ่
3 ปัจจัยเสี่ยงพึงระวัง เพื่อเลี่ยงอาการกำเริบ
นอกจากนี้คนไข้ต้องระวังในก
และอีกประการที่คนไข้ต้องระ
อีกประการที่อาจคิดไม่ถึง คือ ความร้อนจากการปรุงอาหารที่
การปฏิบัติตัวของผู้ป่วยอย่
ที่มา : health.kapook.com