วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555

***ดอกขจร (ดอกสลิด)***

ดอกขจร อีกหนึ่งสมุนไพรที่จัดว่ามีคุณค่าที่ช่วยรักษาอาการต่าง ๆ ได้ดีทีเดียว และวันนี้เราก็นำ สรรพคุณของดอกขจร และ ประโยชน์ของดอกขจร มาบอกคุณ ๆ ผู้รักสุขภาพกันอีกเช่นเคยดอกขจรส่วนใหญ่นั้นจะนำมาลวกน้ำร้อนจิ้มกินกับน้ำพริกเป็นส่วนใหญ่ ใครที่ชอบกินดอกขจรเป็นประจำนับว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายของคุณมากมายทีเดียว นั้นเรามาดู สรรพคุณของดอกขจร และ ประโยชน์ของดอกขจร กันเลยดีกว่า

*คุณค่
าทางอาหารของดอกขจร*
ทั้งยอดอ่อน ผลอ่อน และดอกของขจรสามารถนำมาทำอาหารได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะใช้เป็นผักต้มหรือผักลวกจิ้มน้ำพริกหรือทำเป็นอาหารอื่น ๆ เช่น แกงส้มดอกขจร ยำดอกขจร แกงจืดดอกขจร ข้าวต้มดอกขจร เป็นต้น และส่วนที่มีคุณค่าทางอาหารมากที่สุดคือส่วนยอดอ่อน ทั้งนี้ดอกขจรมีคุณค่าวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม และฟอสฟอรัสสูง

ยอดอ่อนและดอกขจรในปริมาณ 100 กรัม มีวิตามิน แร่ธาตุต่าง ๆ คือวิตามินเอ มากถึง 3,150 I.U. วิตามินซี 45 มิลลิกรัม แคลเซียม 70 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 90 มิลลิกรัม


สรรพคุณของดอกขจร และ ประโยชน์ของดอกขจร
- ยอดอ่อน ดอก ลูกอ่อน บำรุงธาตุ บำรุงตับ ปอด แก้เสมหะเป็นพิษ ราก ทำให้อาเจียน ถอนพิษเบื่อเมา

- มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน รักษาหวัดที่เกิดจากการตากลมหรืออากาศเย็น ช่วยบำรุงตับ บำรุงสายตา บำรุงเลือด บำรุงฮอร์โมนของสตรี ช่วยขับเสมหะ และแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ

- ราก เป็นเครื่องยาสมุนไพรใช้หยอดรักษาตา อีกทั้งมีสรรพคุณทำให้อาเจียน ถอนพิษเบื่อเมา ดับพิษได้


***สูตรน้ำผักผลไม้ล้างพิษ…ทำเองได้ไม่ยาก***

เครื่องดื่มสีเขียวมรกตแก้วนี้ มีสรรพคุณสุดยอดในการล้างพิษ “ผักใบเขียว” จะฟื้นฟูตับที่อ่อนล้า “ผักชีฝรั่ง” มีฤทธิ์ขับปัสสาวะอ่อน ๆ ให้สังกะสีและเกลือแร่ บำรุงตับ “ขึ้นฉ่าย” ช่วยทำความสะอาดตับ ระบบน้ำเหลืองและยังช่วยระบบย่อยอาหารอีกด้วย “แอปเปิ้ล” ช่วยในการขับถ่ายและล้างพิษออกจากลำไส้ใหญ่ได้ดี นอกจากนั้นยังพบว่าแอปเปิ้ลมีสารฟลาโวนอยด์และสารออกซิแดนท์สูง ช
่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจและมะเร็ง

ส่วนผสม
บรอกโคลี 100 กรัม
คะน้า 100 กรัม
ผักชีฝรั่ง 25 กรัม
แอปเปิ้ล 200 กรัม
ขึ้นฉ่าย 50 กรัม (หรือเซเลอรี่)

วิธีทำ
1. คั้นน้ำผักบรอกโคลี คะน้า ผักชีฝรั่ง แอปเปิ้ลและขึ้นฉ่าย ด้วยเครื่องแยกกาก
2. นำน้ำผักที่ได้มาผสมรวมกันทั้งหมด
3. เสิร์ฟเครื่องดื่มพร้อมใส่น้ำแข็งก้อน เพื่อเป็นเครื่องดื่มเย็น
4. ตกแต่งด้วยใบคะน้า หรือผักชีฝรั่ง ตามใจชอบ

*ข้อห้ามในการล้างพิษ*
น้ำหนัก ตัวของคุณต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ตั้งครรภ์หรืออยู่ระหว่างการให้นมบุตร
เป็นโรคเบาหวานประเภทที่หนึ่ง
อยู่ระหว่างการรับยารักษาโรคไต
เป็นโรคตับขั้นรุงแรง

ที่มา : tlcthai.com/women

***กุยช่าย***

กุยช่าย อีกหนึ่งผักที่มีประโยชน์และสรรพคุณมาก ๆ จัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่ช่วยรักษาได้หลายโรคเลยทีเดียว

คุณค่าทางอาหารของกุยช่าย
ต้นกุยช่าย 100 กรัม ให้พลังงาน 28 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย ไขมัน 0.3 กรัม คาร์โบไฮเดรต 4.1 กรัม แคลเซียม 98 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 46 มิลลิกรัม เหล็ก 1.5 มิลลิกรัม เบต้า-แคโรทีน 136.79 ไมโครกรัม เส้นใย 3.9 กรัม

ดอกกุยช่าย 100 กรัม ให้พลังงาน 38 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย ไขมัน 0.2 กรัม คาร์โบไฮเดรต 6.3 กรัม แคลเซียม 31 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 62 มิลลิกรัม เกล็ก 1.6 มิลลิกรัม วิตามินซี 13 มิลลิกรัม เบต้า-แคโรทีน 152.92 ไมโครกรัม เส้นใย 3.40 กรัม

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของกุยช่าย
- ต้นและใบ ใช้แก้โรคนิ่วโดยนำมาดตำให้ละเอียดผสมกับเหล้าและสารส้มเล็กน้อยกรองเอาน้ำดื่มครั้งละ 1 ถ้วยชา เป็นยาแก้หวัด บำรุงกระดูก ทาท้องเด็ก แก้ท้องอืด และแก้ลมพิษ สตรีหลังคลอด หากกินแกงเลียงใบกุยช่ายจะช่วยเพิ่มน้ำนม

- เมล็ด เป็นยาขับพยาธิเส้นด้ายและพยาธิแส้ม้า นอกจากนี้กุยช่ายยังให้กากอาหารช่วยสร้างสมดุลแก่ระบบย่อยอาหารช่วยให้ท้องไม่ผูก

- แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม และแก้ท้องผูก โดยใช้ใบสดตำให้ละเอียดคั้นเอาแต่น้ำดื่มหรือนำไปผัดรับประทาน เพราะกุยช่ายมีใยอาหารมากจึงช่วยกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวได้ดี

- แก้อาการฟกช้ำ โดยใช้ใบสดตำละเอียดแล้วพอกบริเวณที่มีอาการเพื่อบรรเทาปวดและแก้อาการห้อเลือดได้

- แก้อาการปัสสาวะกะปริบกะปรอย โดยใช้เมล็ดแห้งต้มรับประทานหรือจะทำเป็นยาเม็ดรับประทานก็ได้

- รักษาโรคหูน้ำหนวก โดยใช้น้ำที่คั้นได้จากใบสดทาในรูหู

- บำรุงน้ำนม คนไทยโบราณเชื่อว่า แม่ลูกอ่อนกินแกงเลียงใส่ผักกุยช่ายจะช่วยบำรุงน้ำนมได้ดี

ตำรับยาที่ใช้ได้แก่ หากถูกตีฟกช้ำเอากุยช่ายสดตำให้แหลกพอกบริเวณที่เป็นจะสามารถแก้อาการฟกช้ำ ห้อเลือดและแก้ปวดได้ หรือเวลาที่เป็นแผลมีหนองเรื้อรัง ใช้ใบสด ๆ ล้างให้สะอาดพอกที่แผลหรืออาจผสมดินสอพองในอัตราส่วนใบกุยช่าย 3 ส่วน ดินสองพอง 1 ส่วน บดให้ละเอียดจนเหลวข้นแล้วทาบริเวณที่เป็นวันละ 2 ครั้ง ในกรณีที่บวมฟกช้ำเนื่องจากถูกกระแทก

ส่วนคนที่เป็นแผลริดสีดวงทวารก็แนะนำให้ใช้ใบกุยช่ายสด ๆ ใส่น้ำต้มให้ร้อน จากนั้นนั่งเหนือภาชนะเพื่อให้ไอรมจนน้ำอุ่นหรือใช้น้ำต้มล้างที่แผลวันละ 2 ครั้ง หรือจะใช้ใบหั่นฝอยคั่วให้ร้อนใช้ผ้าห่อมาประคบบริเวณที่เป็นจะทำให้หัวริดสีดวงหดเข้า

นอกจากฤทธิ์ลดการอักเสบและฆ่าเชื้อแล้วยังเชื่อว่า ถ้าแมลงหรือตัวเห็บเข้าหูให้เอาน้ำคั้นกุยช่ายหยอดเข้าไปในหูจะทำให้แมลงหรือเห็บไต่ออกมาเองในกรณีนี้ห้ามใช้นิ้วหรือของแข็งแคะออก

กุยช่ายยังเป็นสมุนไพรที่ผู้หญิงควรรู้จักสรรพคุณในการใช้เป็นอย่างยิ่ง คือ ถ้าเมื่อใดมีอาการตกขาวคนจีนแนะนำให้เอาต้นกุยช่าย ไข่ไก่ น้ำตาลอ้อย ต้มรับประทาน เมื่อผู้หญิงเริ่มท้องก็ควรรับประทานใบกุยช่ายผัดกับตับหมู เมื่อท้องมีอาการคลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร เอาน้ำคั้นกุยช่ายครึ่งถ้วยและน้ำขิงอีกครึ่งถ้วยผสมกันและนำไปต้มจนเดือดแล้วเติมน้ำตาลตามใจชอบดื่นน้ำยาที่ได้

ถึงตอนคลอดมีอาการหมดสติเขาจะใช้ใบกุยช่ายสดสับให้ละเอียดใส่ในเหล้าที่ต้มเดือดแล้วกรอกเข้าไปในปาก หรือเมื่อหลังคลอดมีอาการวิงเวียนจะใช้ใบกุยช่ายสับละเอียดเอาใส่ขวดเติมน้ำส้มสายชูร้อน ๆ ลงไปแล้วใช้สูดดมแก้วิงเวีย

คนไทยเราเองเมื่อคลอดลูกแล้วคนโบราณว่า แม่ลูกอ่อนรับประทานผักหอมแป้น (กุยช่าย) แกงเลียงจะช่วยบำรุงน้ำนม ในกรณีที่มดลูกหย่อนหลังมีลูกก็ให้ใช้ใบสด ๆ ประคบหรือเอามาล้างที่อวัยวะเพศภายนอก

จะเห็นว่าสรรพคุณของกุยช่ายมีมากมายเหมาะกับทั้งท่านชายและท่านหญิง ท่านชายที่มีปัญหาหมดสมรรถภาพทางเพศหรือหลั่งเร็วกำลังเตรียมจะหาซื้อยาไวอากราก็น่าลองใช้สมุนไพรกุยช่ายดูบ้าง ไม่มีผลข้างเคียงอะไรทั้งยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย
หรือท่านหญิงที่กำลังท้องกำลังไส้ มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ลองหันมาทำยาแก้แพ้ท้องที่แสนจะปลอดภัยและให้ประโยชน์กันดูบ้าง

ที่มา : women community