วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

"สตรอเบอร์รี่ปั่นโยเกิร์ต/นมสด"

:: ส่วนผสม :: สำหรับ 1 แก้ว
1. สตรอเบอรี่สดหรือแช่แข็ง 1/2 ถ้วย
2. นมสด 2 ช้อนโต๊ะ หรือ โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 2 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำเชื่อม 2 ช้อนโต๊ะ (สามารถเพิ่มหรือลดได้ตามใจ)
4. น้ำแข็ง 1 แก้ว หรือ 1 ถ้วย
5. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา

หมายเหตุ : สตรอเบอร์รี่สดต้องล้างให้สะอาด

"สตรอเบอร์รี่" อีกหนึ่งผลไม้เมืองหนาวที่มีประโยชน์รวมถึงสรรพคุณที่จัดว่ายาได้ทีเดียว สำหรับประโยชน์ของสตรอเบอร์รี่นั้นมีมากมายโดยเฉพาะสาว ๆ ด้วยนิยมรับประทานสตรอเบอร์รี่กันประโยชน์ของสตรอเบอร์รี่ นอกจากจะดูแลในเรื่องผิวพรรณแล้ว ยังมักจะนำไปทำอาหารต่าง ๆ ที่แสนอร่อยอีกด้วย อาทิเช่น ไอศกรีม ขนมอบแห้ง เค้ก ฯลฯ และ สรรพคุณของสตรอเบอร์รี่ ก็ยังช่วยรักษาโรคทำให้เราสุขภาพดีได้อีกด้วย


สรรพคุณ / ประโยชน์ของสตรอเบอร์รี่

- ดูแลสายตา
ปัญหาเกี่ยวกับดวงตาส่วนใหญ่จะเกิดจากอนุมูลอิสระและการขาดสารอาหารบางชนิด และเมื่อเราอายุมากขึ้นดวงตาของเรายิ่งถูกทำร้ายได้ง่าย ซ้ำร้ายความแก่ชราจะทำให้กล้ามเนื้อดวงตาเสื่อมสภาพ แต่สตรอเบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซี ฟลาโวนอยด์ กรดฟีโนลิก และกรดเอลลาจิก ซึ่งช่วยชะลอกระบวนการดังกล่าว แถมยังมีโพแทสเซียมซึ่งช่วยปรับความดันในตาให้เป็นปกติ

- ป้องกันโรคข้ออักเสบและโรคเกาต์
เมื่อกล้ามเนื้อถูกใช้งานนาน ๆ เข้า กล้ามเนื้อของเราก็มีแต่จะถดถอยของเหลวบริเวณข้อต่อกระดูกก็จะเหือดแห้งลงไปเรื่อย ๆ และร่างกายก็สะสมสารพิษอย่างกรดยูริกเอาไว้มากขึ้น ๆ ทำให้โรคข้ออักเสบและโรคเกาต์ถามหา แต่อย่าห่วงไปเพราะเราสามารถขับไล่โรคทั้งสองได้ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสรรพคุณล้างพิษของสตรอเบอร์รี่

- กำราบโรคมะเร็ง
กินสตรอเบอร์รี่ทุกวันเซลล์มะเร็งและเนื้องอกต้องหลีกทางให้แก่สารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซี โฟเลต และแอนโธไชยานินส์ที่มีอยู่มากมายในสตรอเบอร์รี่

- ส่งเสริมการทำงานของสมอง
ยิ่งแก่ยิ่งขี้หลงขี้ลืมเพราะเนื้อเยื่อและเส้นประสาทในสมองเสื่อมสภาพจากอนุมูลอิสระตัวร้าย ซึ่งสตรอเบอร์รี่ช่วยได้เพราะมีวิตามินซี และไฟโตนิวเทรียนต์ ที่ทำให้อนุมูลอิสระหมดฤทธิ์ และคืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ระบบประสาทแถมยังมีไอโอดีนที่ทำให้สมองและระบบประสาททำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

- ลดความดันโลหิต
หากโซเดียมเป็นตัวการทำให้เกิดความดันโลหิตสูง สตรอเบอร์รี่ก็มีโพแทสเซียมและแมกนีเซียมที่ช่วยปรับความดันให้เป็นปกติ

- ปราบโรคหัวใจ
ใยอาหาร โฟเลต และสารต้านอนุมูลอิสระมากมายจะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย แถมวิตามินบีบางชนิดที่พบได้ในสตรอเบอร์รี่จะเสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรงอีกด้วย

ที่มา : n3k.in.th

น้ำมันมะพร้าวกับกระเทียม

เพิ่มเติมในสิ่งที่หลายคนไม่รู้...ทานน้ำมันมะพร้าวกับกระเทียมเพียง 2-3 กลีบมีประโยชน์มากมายจ้า... 
- กระตุ้นและเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย หยุดยั้งไวรัสและแบคทีเรียต่างๆได้ เช่น หวัด โรคกระเพาะ อาหารเป็นพิษ 
- ช่วยเลือดไหลเวียนดี ละลายลิ่มเลือด ลดความดัน 
- บำรุงตับ สามารถรักษาโรคตับแข็ง ไวรัสตับอักเสบ A,B,C และลดความเป็นพิษต่อตับของเห็ดมีพิษได้
- ป้องกันและบรรเทาปัญหาแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน
- ป้องกันโรคต้อกระจก และโรคตาต่างๆ
- ป้องกันโรคหัวใจ
- โรคเส้นโลหิตในสมองแตก
- เพิ่มการทำงานของวิตามิน C และ E, กลูตาไธโอนและ Q10 และสามารถหมุนเวียนกลับมาใช้ได้อีก
- สามารถปิดสวิทซ์ของรหัสพันธุกรรมที่เร่งขบวนการชราภาพและปิดสวิทซ์การเกิดโรคมะเร็งได้
- ล้างและกำจัดสารพิษในร่างกายได้ดี
- ลดความอ้วน...ฯลฯ
ไม่ยุ่งยากเลย เพียงตั้งใจมีสุขภาพดีแน่นอนทุกคนจ้า....
***มะม่วง ผลไม้หาทานง่าย ให้ประโยชน์***

มะม่วง ผลไม้ยอดฮิตที่นิยมบริโภคตลอดปี ไม่ว่าจะบ้านไหน เรือนไหนก็นิยมปลูกกันไว้ในรั้วบ้าน มะม่วงนอกจากจะนำมารับประทานได้หลายรูปแบบแล้วยังเป็นไม้ยืนต้นที่ให้ร่มเงาได้เป็นอยางดี ส่วนอื่นๆ ก็นำมาใช้ประโยชน์ได้ อาทิ ใบ ดอกมะม่วง มีวิตามินเอและซีสูง และยังมีสารอาหารอื่นๆ อีก เรียกได้ว่า มะม่วงลูกหนึ่งมีสารอาหารเกือบครบเลยทีเดียว โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ อาจหายไปได้โดยที่เราไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เพราะมะม่วงก็มีสรรพคุณทางยาสมุนไพรมากเหมือนกัน

สรรพคุณทางยาสมุนไพร
เมล็ดสดๆ มารับประทาน หรือนำมาโรยเกลือ รับประทานเพื่อขับปัสสาวะหรือแก้บวมน้ำ เนื้อในเมล็ดใช้แก้ท้องร่วง ผลมะม่วง นำมาคั้นรับประทานเป็นยาขับปัสสาวะหรือร้อนใน แก้คลื่นไส้ แก้บิดถ่ายเป็นเลือด และใช้เป็นยาบำรุงกระเพาะอาหาร ใบมะม่วง นำมาพอประมาณต้มรับประทานแก้ซางตานขโมยในเด็ก แก้ลำไส้อักเสบ หรือใช้ใบสดๆ ตำพอกบริเวณที่เป็นแผลสด จะเป็นยาสมานแผลสดได้ดีที่เดียว เปลือกลำต้นมะม่วง ใช้เปลือกสดๆ มาต้มรับประทานเป็นยาแก้โรคคอตีบ เยื่อปากอักเสบ จมูกอักเสบ

คุณค่าทางอาหาร
มะม่วงดิบมักออกรสเปรี้ยว เอาไปทำของคาวได้หลายอย่าง ที่เห็นบ่อยมากคือ นำไปจิ้มน้ำพริก ใช้ยำ หรือผสมอาหารที่มีรสเปรี้ยวแทนมะนาว เช่น ยำมะม่วง น้ำพริก ต้มยำ

ในส่วนที่นำไปเป็นของว่างนั้น มะม่วงดิบรับประทานเป็นมะม่วงน้ำปลาหวาน เมี่ยงส้ม มะม่วงสุกที่มีรสหวาน นำมารับประทานกับข้าวเหนียว กวนเป็นแผ่น หรือนำมาคั้นเป็นน้ำผลไม้

มะม่วงอุดมด้วยฟอสฟอรัส และแคลเซียมที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟันไม่ให้เปราะหักง่าย นอกจากนั้นยังมีวิตามินซีอยู่ในปริมาณมาก ช่วนเสริมสร้างภูมิคุ้นกันให้แข็งแรง ป้องกันโรคต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาโรคเลือดออกตามไรฟัน โรคหวัด และมีวิตามินบี 1 ป้องกันโรคเหน็บชา วิตามินบี 2 ป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด

***แตงไทย..ผลไม้มากคุณค่าแต่ด้อยราคา อายุสั้น***

ผลแตงไทยมีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงหัวใจ บำรุงสมอง เป็นยาระบายอ่อนๆ ขับปัสสาวะ บำรุงธาตุ บำรุงน้ำนม ขับเหงื่อ มีฤทธิ์เป็นยาเย็น ช่วยดับกระหายคลายร้อนได้ดี นอกจากนี้ในแตงไทยยังมีวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี ซึ่งช่วยสมานผิว บำรุงผิวพรรณให้ขาวผ่องใส บำรุงสายตา ขจัดเซลล์ผิวเก่า เผยเซลล์ผิวใหม่ที่ขาวใสกว่าเดิม ลบรอยด่างดำ และความหยาบกร้านของผิว

ลดผิวอักเสบ
ใช้แตงไทยสุกบดละเอียด ½ ถ้วย นมสด ½ ถ้วย นำส่วนผสมทุกอย่างคนให้เข้ากัน จนได้เนื้อครีมเข้มข้น จากนั้นก็นำส่วนผสมที่ได้พอกให้ทั่วบริเวณที่ผิวอักเสบจากการโดนแดดหรือถูกความร้อน ทิ้งไว้สัก 10-20 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำเย็นจัด จะช่วยลดการแสบร้อนจากการถูกแดดเผาได้

หน้าใสไร้สิว
ใช้แตงไทยสุก ½ ถ้วย นมสด ½ ถ้วย และไข่ไก่ 1 ฟอง นำส่วนผสมทั้งหมดปั่นรวมกันจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นก็นำมาพอกหน้าให้ทั่วก่อนเข้านอน พอกทิ้งไว้สัก 20-30 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดจะรู้สึกได้ว่าผิวหน้าชุ่มชื้น นวลเนียน ขาวใสขึ้น และมีกลิ่นหอมอ่อนๆของแตงไทยด้วย

ข้อเสนอแนะ
แตงไทยที่ใช้ควรเป็นแตงไทยสุกงอม เมื่อนำไปบำรุงผิวจะได้ผลมากกว่าแตงไทยห่าม เนื่องจากแตงไทยมีฤทธิ์เย็น จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผิวแห้ง และผิวที่โดนแสงแดดบ่อยๆ เนื้อแตงไทยมีความหยาบอยู่ เมื่อนำไปขัดผิวขณะอาบน้ำ จะช่วยทำความสะอาดผิวได้ล้ำลึกยิ่งขึ้น

*น้ำแตงไทยปั่น*
ผลแตงไทย 1 ผล
น้ำเชื่อม 1/2 ถ้วยตวง
น้ำต้มสุก 2 ถ้วยตวง
เกลือ 1/4 ถ้วยตวง
น้าแข็งป่น ตามใจชอบ

วิธีทำ
แตงไทยสุกล้างให้สะอาด ปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ให้ได้ 1 ถ้วยตวง ส่วนเมล็ดไม่ใช้ นำเนื้อแตงไทยที่หั่นเรียบร้อยแลเว ลงใส่ในเครื่องปั่น เติมน้ำต้มสุกลงรวมด้วย เปิดเครื่องปั่นจนเนื้อแตงไทยแหลกละเอียดจึงหยุดเครื่อง เติมน้ำเชื่อม เหยาะเกลือเล็กน้อย ชิมรสหวานตามชอบ เมื่อจะดื่มจึงเติมน้ำแข็งพอสมควร เครื่องดื่มชนิดนี้ควรดื่มแบบเย็นจะทำให้ได้รสชาติดี รู้สึกสดชื่น

หากต้องการให้น้ำแข็งเป็นเกล็ดละเอียด ก็ให้เติมน้ำแข็งพร้อมกับน้ำเชื่อม และเกลือ เปิดเครื่องปั่นอีกครั้ง ปั่นจนก้อนน้ำแข็งละเอียดเป็นเกล็ด วิธีนี้จะได้ความเย็นจากน้ำแข็งมากว่าวิธีแรก

ที่มา : anusorn991.blogspot.com+rakball.net

***มะม่วงไม่รู้หาว มะนาวไม่รู้โห่***

ผลมะม่วงไม่รู้หาว มะนาวไม่รู้โห่ ซึ่งนักวิชาการส่งเสริมการเกษตร ได้เรียกชื่อผลไม้ชนิดนี้ให้สอดคล้องกับผลไม้ในวรรณคดีไทย เรื่องนางสิบสองตอน พระรถเมรี เนื่องจากทานผลสดแล้ว รสชาติจะเปรี้ยวมาก หากรู้สึกง่วงนอน จะรู้สึกกระชุ่มกระชวยและตื่นตัวขึ้นมาทันที แต่ปัจจุบัน เกษตรกรเรียกชื่อสั้นลง กลายเป็น"มะม่วงหาวมะนาวโห่"แทน ปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มรู้จัก และต้องการผลมะม่วงหาว มะนาวโห่ มากขึ้น เพราะทางวิชาการระบุว่ามีประโยชน์ต่อร่างกาย สามารถต้านทานอาการหวัดได้ดี วงการแพทย์ได้นำไปใช้รักษาโรคควบคู่กับยาแผนปัจจุบัน

ผลสุกมะม่วงไม่รู้หาว รสเหมือนมะม่วงสุก
ผลสุกมะนาวไม่รู้โห่ รสเหมือนเปลือกมะนาวดองเค็มตากแห้ง

1. มะม่วงไม่รู้หาว เป็นชื่อพ้องของมะม่วงหิมพานต์
สรรพคุณทางยาสมุนไพร

- ผล ฆ่าเชื้อ ขับปัสสาวะ พอกดับพิษ แก้ลักปิดลักเปิด

- เมล็ด แก้กลากเกลื้อน แก้เนื้อหนังชาในโรคเรื้อน แก้โรคผิวหนัง แก้ตาปลา แก้เนื้องอก บำรุงไขข้อ บำรุงกระดูก บำรุงเส้นเอ็น บำรุงกำลงั บำรุงผิวหนัง

- เปลือก แก้บิด ขับน้ำเหลืองเสีย แก้ท้องเสีย แก้กามโรค ทำยาอมรักษาแผลในปาก แก้ปวดฟัน พอกดับพิษ

- ยอดอ่อน รักษาริดสีดวงทวาร

- ยาง ทำลายตาปลา กัดทำลายเนื้อที่ด้านเป็นปุ่มโต แก้เลือดออกตามไรฟัน รักษาหูด รักษาขี้กลาก แผลเนื้องอก โรคเท้าช้าง

- น้ำมัน ฆ่าเชื้อ ทาถูนวดให้ร้อนแดง ยาชา รักษาโรคเรื้อน กัดหูด แก้ตาปลา แก้บาดแผลเน่าเปื่อย


2. ต้นมะนาวไม่รู้โห่ เป็นชื่อพ้องของต้นหนามแดง

ลักษณะ เป็นไม้พุ่มยืนต้น สูงราว 2-5 เมตร ตามลำต้นและกิ่งก้านมียางสีขาว และมีหนามแหลมยาว ใบเป็นใบเดี่ยว รูปไข่กลับ เรียงตรงข้าม ขอบใบเรียบ ผิวใบมัน เนื้อใบ เรียบ ดอกเล็กสีขาวออกเป็นช่อตามซอกใบและปลายกิ่ง โคนดอกมีสีชมพูหรือแดงอ่อน และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกดอกตลอดปี ส่วนผลเป็นผลเดี่ยวออกรวมกันเป็นช่อ ผลอ่อนจะมีสีชมพูอ่อนๆ และค่อยๆ เข้มขึ้นเป็นสีแดง กระทั่งสุกจึงกลายเป็นสีดำ

สรรพคุณทางยาสมุนไพรพบว่า

- ราก แก้คัน ทำให้เจริญอาหาร บำรุงธาตุ ขับพยาธิ บำรุงกระเพาะอาหาร ดับพิษร้อน แก้ไข้

- แก่น บำรุงไขมันในร่างกาย บำรุงธาตุ ทำให้ร่างกายแข็งแรง

-เนื้อไม้ บำรุงไขมันในร่างกาย บำรุงธาตุ แก่อ่อนเพลีย บำรุงกำลัง

- ใบ แก้ท้องเสีย แก้เจ็บคอ เจ็บในปาก แก้ปวดหู แก้ไข้
- ผล รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน ฝาดสมาน

ที่มา : http://samunprideedee.blogspot.com/
***เสาวรส...***

“เสาวรส” หรือที่บางคนเรียกว่า กะทกรกฝรั่ง หรือจะเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Passion Fruit นั้น เป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่แถวๆ ทวีปอเมริกา แต่ก็เติบโตได้ดีในประเทศไทย ผลมีลักษณะต่างกันไปตามพันธุ์ มีทั้งรูปกลม รูปไข่ แต่สำหรับเนื้อภายใน ก็มีหน้าตาคล้ายทับทิมบ้านเรานี่เอง

ชาติของเสาวรสนี้ก็ออกเปรี้ยว คนจึงนิยมนำมาทำเป็นเครื่องดื่ม ทั้งเป็นน้ำเสาวรสคั้นสด หรือเอามาผสมกับน้ำผลไม้อื่นๆ อย่างน้ำส้ม สัปปะรด หรือแอปเปิ้ลก็ได้ และด้วยความเปรี้ยวนี้เองทำให้เสาวรสอุดมไปด้วยวิตามินซี ใครที่เป็นหวัดเจ็บคออยู่ก็จิบน้ำเสาวรสเข้าไปก็จะช่วยบรรเทาอาการได้ หรือใครที่ยังไม่เป็นหวัด วิตามินซีในเสาวรสก็จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้อีกต่างหาก และนอกจากวิตามินซีแล้ว เสาวรสก็ยังมีวิตามินเอ โดยเฉพาะสารแคโรทีนอยด์ จึงช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณให้สดใสเปล่งปลั่งได้ด้วย

ประโยชน์ของเสาวรสยังไม่หมดแค่นั้น เพราะการดื่มน้ำเสาวรสเป็นประจำทุกวันก็ยังช่วยรักษาอาการนอนไม่หลับ และรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้อีกต่างหาก ส่วนการบริโภคนั้นนอกจากจะดื่มเป็นน้ำผลไม้แล้ว ถ้าอยากจะกินผลสดๆ เลยก็สามารถทำได้เช่นกัน

เสาวรสเป็นไม้เลื้อย ที่ให้ผลมาก ในหน้าหนาว มีรสเปรี้ยวอุดมด้วย วิตามินซี และเบต้าแคโรทีน ซึ่งทำหน้าที่ให้สารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่สำคัญต่อร่างกาย จึงช่วยรักษาสุขภาพ และความสมดุลในระดับเซลล์ และยังให้เส้นใย ซึ่งมีผลดีต่อระบบขับถ่าย